ในโลกยุคปัจจุบันที่ค่าครองชีพสูงขึ้นเรื่อย ๆ การบริหารจัดการเงินเดือน 15,000 บาทให้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายและมีเงินเหลือเก็บเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ บทความนี้จะมาแนะนำวิธีแบ่งเงินเดือน 15,000 บาทอย่างชาญฉลาด เพื่อให้คุณมีเงินใช้จ่ายอย่างไม่ลำบาก และยังมีเงินเหลือเก็บเพื่ออนาคต

หลักการแบ่งเงิน 15,000 บาท

ก่อนอื่น เรามาดูหลักการแบ่งเงิน 15,000 บาท กันก่อน แนะนำให้แบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้

  • 50%  = ค่าใช้จ่ายจำเป็น: เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น
  • 30% = ค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น: เช่น ค่าสังสรรค์ ค่าช้อปปิ้ง ค่าความบันเทิง เป็นต้น
  • 20% = เงินออม: แบ่งเงินส่วนนี้ไปเก็บในบัญชีเงินฝากหรือลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทน 

ตัวอย่างการแบ่งเงิน 

จากเงินเดือน 15,000 บาท 

  • ค่าใช้จ่ายจำเป็น: 15,000 x 50% = 7,500 บาท
  • ค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น: 15,000 x 30% = 4,500 บาท
  • เงินออม: 15,000 x 20% = 3,000 บาท

เทคนิคการแบ่งเงินอย่างมืออาชีพ

1. แบ่งเงินออมเป็นอันดับแรก

ก่อนใช้จ่ายอะไรใดๆ ให้กันเงินส่วนหนึ่งไว้เป็นเงินออมก่อน จำนวนเงินที่เหมาะสมอาจอยู่ที่ 10-20% ของเงินเดือน โดยแบ่งไปเก็บไว้ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ หรือลงทุนในกองทุนรวม ตราสารหนี้ หรือช่องทางอื่นๆ ตามความเสี่ยงที่เรายอมรับได้

2. วางแผนค่าใช้จ่าย

บันทึกค่าใช้จ่ายรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน เพื่อให้เห็นภาพรวมของการใช้จ่าย ว่าเงินของเราไปอยู่ที่ไหนบ้าง แบ่งเป็นหมวดหมู่ เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ฯลฯ จะช่วยให้เราควบคุมการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ประหยัดในชีวิตประจำวัน

เลือกทานอาหารที่บ้านแทนร้านอาหาร เดินทางด้วยรถสาธารณะแทนแท็กซี่ ซื้อสินค้าลดราคา เลือกใช้ของมือสอง ใช้คูปองส่วนลด ฯลฯ พฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ช่วยให้เราประหยัดเงินได้มากขึ้น

4. สร้างรายได้เสริม

ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ การมีรายได้ทางเดียวอาจไม่เพียงพอ การสร้างรายได้เสริมจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ อาจเป็นงานออนไลน์ งาน freelance งานพาร์ทไทม์ ฯลฯ เลือกงานที่ตรงกับความสามารถและเวลาที่มี

5. เตรียมเงินฉุกเฉิน

กันเงินส่วนหนึ่งไว้เป็นเงินฉุกเฉิน สำหรับใช้จ่ายในกรณีที่ไม่คาดคิด เช่น เจ็บป่วย อุบัติเหตุ ฯลฯ จำนวนเงินที่เหมาะสมอาจอยู่ที่ 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน

ตัวช่วยออมเงิน

  • กองทุนออมทรัพย์: เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ เหมาะสำหรับการออมระยะยาว
  • ซื้อสลากออมสิน: เป็นการออมเงินที่ได้ลุ้นรางวัลไปด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเสี่ยงโชค
  • ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์: เป็นการออมเงินที่ได้ความคุ้มครองชีวิตไปด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคง

การบริหารเงินเดือน 15,000 บาท แม้จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป หากเรามีวินัยและความอดทน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย มองหาโอกาสสร้างรายได้เสริม และหมั่นศึกษาหาความรู้ทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เราก็จะสามารถบริหารเงินได้อย่างชาญฉลาด นำไปสู่เป้าหมายทางการเงินที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน

บทความอื่นๆ เพิ่มเติม